บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 6
วิชาการจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ
แจ่มถิ่น
วัน/เดือน/ปี 9 กุมภาพันธ์
พ.ศ. 2558
เวลาเรียน 12.20 เวลาเข้าสอน 12.20 เวลาเข้าเรียน 12.15 เวลาเลิกเรียน 15.50
เนื้อหา 1. กิจกรรมวาดรูปมือเรา
|
วาดภาพมือของตนเองข้างที่ใส่ถุงมือให้เหมือนมากที่สุด |
|
วาดภาพมือตนเองหลังจากถอดถุงมือแล้วให้เหมือนมากที่สุด ลงบนกระดาษอีกข้างหนึ่ง |
ความรู้ที่ได้รับ:
การวาดรูปวันนี้เปรียบเหมือนการสังเกตเด็กอนุบาล
ถึงแม้เราจะคุ้นเคยกับเด็กในทุกๆวันแต่ก็ไม่สามารถจดจำรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของเด็กแต่ละคนได้ทั้งหมด
เพราะฉะนั้นอย่าชะล่าใจว่าเห็นเด็กทุกวัน อย่ามองแต่ภาพรวมแล้วบันทึกครั้งเดียว แต่ควรจดบันทึกให้เป็นระบบต่อเนื่องทุกวัน
เมื่อเห็นพฤติกรรมใดให้จดทันทีอย่าใช้การจำ เพราะข้อมูลอาจสูญหายได้ก่อนที่จะนำมาวิเคราะห์
เนื้อหา 2. เรียนเรื่อง การสอนเด็กพิเศษและเด็กปกติ
ความรู้ที่ได้รับ
ทักษะและทัศนคติของครู ครูจะต้องปรับความคิดตนเองว่าเด็กพิเศษก็เหมือนกับเด็กปกติทั่วไป
มองเด็กให้เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของห้องและไม่ต้องกังวลในการสอน
การฝึกเพิ่มเติม : มีการอบรมระยะสั้นหรือสัมมนา
ทำสื่อต่างๆ ซึ่งทุกๆโรงเรียนจะมีการจัดอบรมครูปฐมวัยเรื่องเด็กพิเศษโดยเฉพาะ
การเข้าใจภาวะปกติ
1.เด็กคล้ายคลึงกันมากกว่าต่างกันซึ่งเป็นบุคลิกภาพ โดยเฉพาะเรื่องพัฒนาการ
2.ครูต้องเรียนรู้ มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กทุกคน
ถ้าเห็นตรงไหนเด็กติดขัดหรือทำไม่ได้สามารถเข้าไปช่วยเหลือหรือพูดคุยกับเด็กให้เขาเกิดความไว้วางใจได้
โดยเฉพาะกับเด็กออทิสติก
3.รู้จักเด็กแต่ละคน ทราบข้อมูลหรือจำชื่อเด็กให้ได้ทั้งชื่อจริง ชื่อเล่น
4.มองเด็กให้เป็นเด็ก อย่าคิดว่าเขาต้องทำได้หรือต้องเป็นไปตามที่คาดหวัง
คัดแยกเด็กที่มีพัฒนาการช้า ต้องเข้าใจพัฒนาการของเด็ก
เพื่อสามารถมองเห็นความแตกต่างของเด็กแต่ละคนได้ง่าย
เด็กคนไหนเข้าข่ายให้มองและสังเกตให้ออก แต่อย่าพูดหรือบอกข้อเสียของเด็กกับใคร
ความพร้อมของเด็ก ในห้องเรียนรวมขึ้นอยู่กับสิ่งต่อไปนี้
วุฒิภาวะ การเจริญเติบโตพัฒนาการอายุที่ต่างกัน
แรงจูงใจ เด็กมีความสนใจต่างกัน
ถ้าสร้างแรงจูงใจก็จะมีความพร้อมต่อไป
โอกาส ขึ้นอยู่กับครู
การสอนโดยบังเอิญ คือ
การสอนเชื่อมโยงกับปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนั้น หรือขณะที่เด็กเล่นและช่วงเวลาที่เด็กมีปัญหาวิ่งมาหาครูโดยให้เด็กเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
การปฏิบัติ : พร้อมที่จะพบ ให้ความสนใจ มีความรู้สึกดีต่อเด็ก
มีความตั้งใจช่วยเหลือ หรือ ใช้กิจกรรมล่อใจ
ทำให้เป็นเรื่องสนุกสนานและอย่าใช้เวลาสอนนานเกินไปจนลืมสนใจเด็กตนอื่น
อุปกรณ์ คือ สื่อ
ที่ใช้กับเด็กจะต้องมีความหลากหลายเปิดกว้างในวิธีการเล่นที่อิสระ เช่น ดินน้ำมัน
ไม้บล็อก ตัวต่อเลโก้ เป็นต้น
ลักษณะการเล่นของเด็กพิเศษ: จะเล่นแบบมองเด็กปกติและเรียนรู้จากเด็กปกติ
ดังนั้น อาจให้เด็กที่เก่งเล่นใกล้ๆเด็กพิเศษเมื่อเขาเห็นก็จะเกิดการเลียนแบบและทำตาม
ลักษณะการเล่นของเด็กปกติ: ถ้าได้อยู่ใกล้ชิดกับเด็กพิเศษ
เมื่อเห็นเด็กพิเศษเล่นเขาจะเข้ามาช่วยเหลือ ดังนั้น
สามารถจับคู่ให้เด็กได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ตารางประจำวัน
-
เด็กพิเศษไม่สามารถยอมรับกิจกรรมที่เปลี่ยนแปลงได้
ดังนั้นกิจกรรมจะต้องคาดคะเนได้ว่าครูจะให้เขาทำอะไร
ต้องเป็นกิจกรรมที่เขาเคยชินทุกวัน
- กิจกรรมต้องเรียงลำดับขั้นตอนเป็น
เช่น เป็นกิจวัตรตารางทุกวัน
- เด็กจะต้องรู้สึกปลอดภัย
มั่นคง
- ต้องคำนึงถึงความเหมาะของเวลา
เช่น ศิลปะ 10
- 15 นาที การทำงานศิลปะจะมีเด็กเสร็จก่อนและหลัง เด็กที่เสร็จก่อน
จะให้เด็กเก็บผลงานเข้ากล่องตนเอง และเข้าเล่นอิสระในมุมเสรี
ทัศนคติของครู การสอนให้เด็กเชื่อฟังควรมีเทคนิค
ดังนี้
1.ความยืดหยุ่น
การสอนอย่ายืดแผนโดยเที่ยงตรงแต่สามารถแก้ปัญหาให้เหมาะสมกับสถานการณ์และปัญหาของเด็กในขณะนั้นได้
โดยต้องยอมรับความสามารถของเด็ก ต้องตอบสนองเป้าหมายที่สำคัญสุดสำหรับเด็กแต่ละคน ปัญหาเด่นที่เด็กเป็น
อย่าไปคาดหวังเยอะ
ตัวอย่าง : เช่น
เด็กออทิสติก ตีเพื่อนเมื่อเพื่อนแย่งของ ครูจะต้องปรับพฤติกรรม
ให้เขาพูดกับเพื่อนดีๆ เริ่มจากสิ่งง่ายๆก่อน ให้เขาเลิกตีเพื่อนให้ได้
อย่าเพิ่งหวังถึงการแบ่งปัน
2.การใช้สหวิทยาการ คือ การใจกว้าง รับฟังผู้อื่น วิชาชีพอื่นบ้าง
อย่ามั่นใจเกิน และควรสร้างความสัมพันธ์ระหว่างการบำบัดกิจกรรมในห้องเรียน
การเปลี่ยนพฤติกรรมการเรียนรู้: ที่ดีที่สุด
คือ การให้แรงเสริม และเชื่อว่าเด็กทุกคนสอนได้ เด็กเรียนไม่ได้เพราะขาดโอกาส
มากกว่าขาดความสามารถเพราะทุกคนย่อมมีความสามรถอยู่ในตนเองถ้าได้รับโอกาส
เทคนิคการให้แรงเสริม
แรงเสริมทางสังคมจากผู้ใหญ่
- ความสนใจของผู้ใหญ่สำคัญต่อเด็กมาก
มีแนวโนมต่อพฤติกรรมที่เด็กจะแสดงต่อไปและมีผลในทันที
แต่หากผู้ใหญ่ไม่สนใจพฤติกรรมดีๆของเด็กก็จะหายไป
วิธีการแสดงออกถึงแรงเสริมของผู้ใหญ่
- ตอบสนองด้วยวาจา คำชมในทันที
- ยืนหรือนั่งใกล้เด็ก ยิ้มรับ ฟัง และสัมผัสทางกายให้เด็กอบอุ่น
- ให้ความช่วยเหลือ ร่วมกิจกรรมกับเด็ก
หลักการให้แรงเสริมในเด็กปฐมวัย
- ครูต้องให้แรงเสริมทันทีที่เด็กแสดงพฤติกรรมที่พึงประสงค์
- ครูต้องละเว้นความสนใจทันทีที่เด็กแสดงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์
ถ้าเด็กทำไม่ดีต้องไม่สนใจ นิ่ง ให้เด็กเกรง
- ควรสนใจเด็กนานเท่าที่มีพฤติกรรมพึงประสงค์
ไม่ต้องเยินยอนานเกินหลังจากนั้น
การแนะนำหรือบอกบท(Prompting) เป็นวิธีที่ใช้ได้ดีกับเด็กพิเศษ
บอกทุกขั้นตอน บอกย้อนคำตอบให้เด็ก โดยวิธีการย่อยงาน ลำดับความยากง่ายของงานเพื่อเป็นการเสริมแรงให้เด็กค่อยๆก้าวไปจนสำเร็จ
การบอกบทจะค่อยๆน้อยลงตามลำดับถ้าเด็กทำได้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องสอนเรื่องนั้น
ขั้นตอนการให้แรงเสริม
1.สังเกตและกำหนดจุดมุ่งหมาย
2.วิเคราะห์งาน กำหนดจุดย่อยๆแต่ละขั้น จากยากไปง่าย
3.ให้แรงเสริมเมื่อเด็กทำได้ทันทีหรือเด็กมีความพยายาม และลดการบอกบท
4.ให้แรงเสริมเฉพาะพฤติกรรมที่ใกล้เคียงเป้าหมายที่สุด ทีละขั้น ไม่เร่งรัด
ยิ่งขั้นเล็กเท่าไหร่ ยิ่งดี และไม่ควรดุหรือตีเด็ก
การกำหนดเวลา
จำนวนและความถี่ของแรงเสริมที่ให้กับพฤติกรรมต้องเหมาะสม
ความต่อเนื่อง
พฤติกรรมทุกอย่างในชีวิตประจำวันต่อเนื่องกันระหว่างพฤติกรรมย่อยๆหลายๆอย่างรวมกัน
เช่นเข้าห้องน้ำ พักผ่อน หยิบและเก็บของ การกลับบ้าน
หรือสอนแบบก้าวไปข้างหน้าหรือย้อนมาข้างหลัง (สอนข้ามขั้น ขั้นสุดท้ายก่อน
ค่อยย้อนกลับมาเป็นขั้นตอนย่อยๆ)
การลดหรือหยุดแรงเสริม
- ครูจะงดแรงเสริมกับเด็กที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม โดยทำอย่างอื่นทันที ไม่ต้องสนใจเขาสักพัก
หยิบของขณะที่เด็กเล่นอยู่ หรือเอาเขาออกจากการเล่นนั้น
เรียกว่าการขอเวลานอก Time Out ซึ่งใช้กับเด็กพิเศษได้ผล
ให้เด็กนั่งอยู่คนเดียวทบทวนสิ่งที่ผิด เวลา 3-5นาที
เนื้อหา 3.ทบทวนเพลงเพื่อใช้บำบัดเด็กพิเศษ
การนำไปประยุกต์ใช้
1. จะไม่มีอคติกับเด็กหรือมองเด็กพิเศษว่าแปลกประหลาด แต่จะมองเขาเป็นเหมือนเด็กทุกคน ที่สามารถพัฒนาได้
2. สามารถรักษาพฤติกรรมที่ดีของเด็กให้ต่อเนื่องยาวนานด้วยวิธีการเสริมแรงต่างๆ
3. ไม่คาดหวังกับเด็กเยอะแต่จะแก้ปัญหาเด็กทีละจุด เน้นจุดที่สำคัญและเป็นปัญหาร้ายแรงจริงๆก่อน
Post Test
|
วันนี้อาจารย์ถามเป็นกลุ่มๆ |
การประเมินผล
ประเมินตนเอง: วันนี้เกือบเข้าห้องเรียนสาย แต่ก็ยังทันอาจารย์ปั้มพอดี ตอนเรียนก็พยายามตั้งใจจดรายละเอียดต่างๆทันบ้างไม่ทันบ้างแต่ก็เข้าใจในสิ่งที่อาจารย์สอน
ประเมินเพื่อน: เพื่อนๆ แต่งกายเรียบร้อย ฟัง และโต้ตอบอาจารย์กันในประเด็นต่างๆอย่างสนุกสนานทั้งเรื่องเรียนและอื่นๆเมื่อตอนทำกิจกรรมก็ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี ต่างมีความคิดเห็นต่างกันออกไป บางคนก็ฟุบหลับไปกะโต๊ะสักพัก เหมือนเช่นเคย ขณะที่อาจารย์กำลังสอน
ประเมินอาจารย์: อาจารย์มีการวางแผนเตรียมกิจกรรมการสอนมาดีให้นักศึกษาทุกครั้ง
และคอยเน้นย้ำในหัวข้อที่สำคัญตลอดเวลา มีการยกตัวอย่างเพื่อนเรื่องทัศนคติ
เรื่องสมมุติที่ค่อนข้างแรง 5555 แต่อาจารย์คงอยากสร้างบรรยากาศในห้องเรียนและอยากให้พวกเราเข้าใจ
ในบางครั้งก็ยกตัวอย่างสถานการณ์จริงมาเล่าด้วย
คอยใส่ใจนักศึกษาเดินดูทั่วห้องตลอดเวลาที่พวกเราทำงาน