Welcome to the blog Ms. Arisara Phusit

วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ครั้งที่ 7


บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 7
วิชาการจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ แจ่มถิ่น
วัน/เดือน/ปี  2 กุมภาพันธ์ พ.. 2558
เวลาเรียน 12.20     เวลาเข้าสอน 12.20     เวลาเข้าเรียน 12.15   เวลาเลิกเรียน 15.50 
หมายเหตุ : วันนี้ไม่มีการเรียนการสอน เนื่องจากเป็นวันแห่งความสุข ที่พวกเราได้จัดเซอร์ไพร์สวันเกิดย้อนหลังให้อาจารย์เบียร์
https://www.youtube.com/watch?v=BzbEFTJNHh0&feature=youtu.be

   

วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ครั้งที่ 6

บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 6
วิชาการจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ แจ่มถิ่น
วัน/เดือน/ปี  9 กุมภาพันธ์ พ.. 2558
เวลาเรียน 12.20     เวลาเข้าสอน 12.20     เวลาเข้าเรียน 12.15   เวลาเลิกเรียน 15.50
เนื้อหา 1. กิจกรรมวาดรูปมือเรา
วาดภาพมือของตนเองข้างที่ใส่ถุงมือให้เหมือนมากที่สุด
วาดภาพมือตนเองหลังจากถอดถุงมือแล้วให้เหมือนมากที่สุด ลงบนกระดาษอีกข้างหนึ่ง
ความรู้ที่ได้รับ:
            การวาดรูปวันนี้เปรียบเหมือนการสังเกตเด็กอนุบาล ถึงแม้เราจะคุ้นเคยกับเด็กในทุกๆวันแต่ก็ไม่สามารถจดจำรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของเด็กแต่ละคนได้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นอย่าชะล่าใจว่าเห็นเด็กทุกวัน อย่ามองแต่ภาพรวมแล้วบันทึกครั้งเดียว  แต่ควรจดบันทึกให้เป็นระบบต่อเนื่องทุกวัน เมื่อเห็นพฤติกรรมใดให้จดทันทีอย่าใช้การจำ เพราะข้อมูลอาจสูญหายได้ก่อนที่จะนำมาวิเคราะห์
เนื้อหา 2. เรียนเรื่อง การสอนเด็กพิเศษและเด็กปกติ
ความรู้ที่ได้รับ
ทักษะและทัศนคติของครู  ครูจะต้องปรับความคิดตนเองว่าเด็กพิเศษก็เหมือนกับเด็กปกติทั่วไป มองเด็กให้เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของห้องและไม่ต้องกังวลในการสอน
การฝึกเพิ่มเติม : มีการอบรมระยะสั้นหรือสัมมนา ทำสื่อต่างๆ  ซึ่งทุกๆโรงเรียนจะมีการจัดอบรมครูปฐมวัยเรื่องเด็กพิเศษโดยเฉพาะ
การเข้าใจภาวะปกติ
1.เด็กคล้ายคลึงกันมากกว่าต่างกันซึ่งเป็นบุคลิกภาพ โดยเฉพาะเรื่องพัฒนาการ      
2.ครูต้องเรียนรู้ มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กทุกคน ถ้าเห็นตรงไหนเด็กติดขัดหรือทำไม่ได้สามารถเข้าไปช่วยเหลือหรือพูดคุยกับเด็กให้เขาเกิดความไว้วางใจได้ โดยเฉพาะกับเด็กออทิสติก
3.รู้จักเด็กแต่ละคน ทราบข้อมูลหรือจำชื่อเด็กให้ได้ทั้งชื่อจริง ชื่อเล่น
4.มองเด็กให้เป็นเด็ก อย่าคิดว่าเขาต้องทำได้หรือต้องเป็นไปตามที่คาดหวัง         
คัดแยกเด็กที่มีพัฒนาการช้า ต้องเข้าใจพัฒนาการของเด็ก เพื่อสามารถมองเห็นความแตกต่างของเด็กแต่ละคนได้ง่าย เด็กคนไหนเข้าข่ายให้มองและสังเกตให้ออก แต่อย่าพูดหรือบอกข้อเสียของเด็กกับใคร
ความพร้อมของเด็ก  ในห้องเรียนรวมขึ้นอยู่กับสิ่งต่อไปนี้
            วุฒิภาวะ  การเจริญเติบโตพัฒนาการอายุที่ต่างกัน
            แรงจูงใจ  เด็กมีความสนใจต่างกัน ถ้าสร้างแรงจูงใจก็จะมีความพร้อมต่อไป
            โอกาส   ขึ้นอยู่กับครู
การสอนโดยบังเอิญ คือ การสอนเชื่อมโยงกับปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนั้น หรือขณะที่เด็กเล่นและช่วงเวลาที่เด็กมีปัญหาวิ่งมาหาครูโดยให้เด็กเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
            การปฏิบัติ : พร้อมที่จะพบ ให้ความสนใจ มีความรู้สึกดีต่อเด็ก มีความตั้งใจช่วยเหลือ หรือ ใช้กิจกรรมล่อใจ ทำให้เป็นเรื่องสนุกสนานและอย่าใช้เวลาสอนนานเกินไปจนลืมสนใจเด็กตนอื่น
อุปกรณ์  คือ สื่อ ที่ใช้กับเด็กจะต้องมีความหลากหลายเปิดกว้างในวิธีการเล่นที่อิสระ เช่น ดินน้ำมัน ไม้บล็อก ตัวต่อเลโก้ เป็นต้น
            ลักษณะการเล่นของเด็กพิเศษ: จะเล่นแบบมองเด็กปกติและเรียนรู้จากเด็กปกติ ดังนั้น อาจให้เด็กที่เก่งเล่นใกล้ๆเด็กพิเศษเมื่อเขาเห็นก็จะเกิดการเลียนแบบและทำตาม
            ลักษณะการเล่นของเด็กปกติ:  ถ้าได้อยู่ใกล้ชิดกับเด็กพิเศษ เมื่อเห็นเด็กพิเศษเล่นเขาจะเข้ามาช่วยเหลือ ดังนั้น สามารถจับคู่ให้เด็กได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ตารางประจำวัน
- เด็กพิเศษไม่สามารถยอมรับกิจกรรมที่เปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นกิจกรรมจะต้องคาดคะเนได้ว่าครูจะให้เขาทำอะไร ต้องเป็นกิจกรรมที่เขาเคยชินทุกวัน
- กิจกรรมต้องเรียงลำดับขั้นตอนเป็น เช่น เป็นกิจวัตรตารางทุกวัน
- เด็กจะต้องรู้สึกปลอดภัย มั่นคง
- ต้องคำนึงถึงความเหมาะของเวลา เช่น ศิลปะ 10 - 15 นาที การทำงานศิลปะจะมีเด็กเสร็จก่อนและหลัง เด็กที่เสร็จก่อน จะให้เด็กเก็บผลงานเข้ากล่องตนเอง และเข้าเล่นอิสระในมุมเสรี
ทัศนคติของครู การสอนให้เด็กเชื่อฟังควรมีเทคนิค ดังนี้
1.ความยืดหยุ่น  การสอนอย่ายืดแผนโดยเที่ยงตรงแต่สามารถแก้ปัญหาให้เหมาะสมกับสถานการณ์และปัญหาของเด็กในขณะนั้นได้ โดยต้องยอมรับความสามารถของเด็ก ต้องตอบสนองเป้าหมายที่สำคัญสุดสำหรับเด็กแต่ละคน ปัญหาเด่นที่เด็กเป็น อย่าไปคาดหวังเยอะ
            ตัวอย่าง : เช่น เด็กออทิสติก ตีเพื่อนเมื่อเพื่อนแย่งของ ครูจะต้องปรับพฤติกรรม ให้เขาพูดกับเพื่อนดีๆ เริ่มจากสิ่งง่ายๆก่อน ให้เขาเลิกตีเพื่อนให้ได้ อย่าเพิ่งหวังถึงการแบ่งปัน
2.การใช้สหวิทยาการ คือ การใจกว้าง รับฟังผู้อื่น วิชาชีพอื่นบ้าง อย่ามั่นใจเกิน และควรสร้างความสัมพันธ์ระหว่างการบำบัดกิจกรรมในห้องเรียน
การเปลี่ยนพฤติกรรมการเรียนรู้: ที่ดีที่สุด คือ การให้แรงเสริม และเชื่อว่าเด็กทุกคนสอนได้  เด็กเรียนไม่ได้เพราะขาดโอกาส มากกว่าขาดความสามารถเพราะทุกคนย่อมมีความสามรถอยู่ในตนเองถ้าได้รับโอกาส
เทคนิคการให้แรงเสริม
แรงเสริมทางสังคมจากผู้ใหญ่
- ความสนใจของผู้ใหญ่สำคัญต่อเด็กมาก มีแนวโนมต่อพฤติกรรมที่เด็กจะแสดงต่อไปและมีผลในทันที แต่หากผู้ใหญ่ไม่สนใจพฤติกรรมดีๆของเด็กก็จะหายไป
วิธีการแสดงออกถึงแรงเสริมของผู้ใหญ่
- ตอบสนองด้วยวาจา คำชมในทันที
- ยืนหรือนั่งใกล้เด็ก ยิ้มรับ ฟัง และสัมผัสทางกายให้เด็กอบอุ่น
- ให้ความช่วยเหลือ ร่วมกิจกรรมกับเด็ก
หลักการให้แรงเสริมในเด็กปฐมวัย
- ครูต้องให้แรงเสริมทันทีที่เด็กแสดงพฤติกรรมที่พึงประสงค์
- ครูต้องละเว้นความสนใจทันทีที่เด็กแสดงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ ถ้าเด็กทำไม่ดีต้องไม่สนใจ นิ่ง ให้เด็กเกรง
- ควรสนใจเด็กนานเท่าที่มีพฤติกรรมพึงประสงค์ ไม่ต้องเยินยอนานเกินหลังจากนั้น
การแนะนำหรือบอกบท(Prompting) เป็นวิธีที่ใช้ได้ดีกับเด็กพิเศษ บอกทุกขั้นตอน บอกย้อนคำตอบให้เด็ก โดยวิธีการย่อยงาน    ลำดับความยากง่ายของงานเพื่อเป็นการเสริมแรงให้เด็กค่อยๆก้าวไปจนสำเร็จ  การบอกบทจะค่อยๆน้อยลงตามลำดับถ้าเด็กทำได้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องสอนเรื่องนั้น
ขั้นตอนการให้แรงเสริม
1.สังเกตและกำหนดจุดมุ่งหมาย
2.วิเคราะห์งาน กำหนดจุดย่อยๆแต่ละขั้น จากยากไปง่าย
3.ให้แรงเสริมเมื่อเด็กทำได้ทันทีหรือเด็กมีความพยายาม และลดการบอกบท
4.ให้แรงเสริมเฉพาะพฤติกรรมที่ใกล้เคียงเป้าหมายที่สุด ทีละขั้น ไม่เร่งรัด ยิ่งขั้นเล็กเท่าไหร่ ยิ่งดี และไม่ควรดุหรือตีเด็ก
การกำหนดเวลา จำนวนและความถี่ของแรงเสริมที่ให้กับพฤติกรรมต้องเหมาะสม
ความต่อเนื่อง พฤติกรรมทุกอย่างในชีวิตประจำวันต่อเนื่องกันระหว่างพฤติกรรมย่อยๆหลายๆอย่างรวมกัน เช่นเข้าห้องน้ำ พักผ่อน หยิบและเก็บของ การกลับบ้าน หรือสอนแบบก้าวไปข้างหน้าหรือย้อนมาข้างหลัง (สอนข้ามขั้น ขั้นสุดท้ายก่อน ค่อยย้อนกลับมาเป็นขั้นตอนย่อยๆ)
การลดหรือหยุดแรงเสริม
- ครูจะงดแรงเสริมกับเด็กที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม โดยทำอย่างอื่นทันที ไม่ต้องสนใจเขาสักพัก หยิบของขณะที่เด็กเล่นอยู่  หรือเอาเขาออกจากการเล่นนั้น เรียกว่าการขอเวลานอก Time Out ซึ่งใช้กับเด็กพิเศษได้ผล ให้เด็กนั่งอยู่คนเดียวทบทวนสิ่งที่ผิด เวลา 3-5นาที
เนื้อหา 3.ทบทวนเพลงเพื่อใช้บำบัดเด็กพิเศษ
การนำไปประยุกต์ใช้                                                                                                                                                           1. จะไม่มีอคติกับเด็กหรือมองเด็กพิเศษว่าแปลกประหลาด แต่จะมองเขาเป็นเหมือนเด็กทุกคน ที่สามารถพัฒนาได้
2. สามารถรักษาพฤติกรรมที่ดีของเด็กให้ต่อเนื่องยาวนานด้วยวิธีการเสริมแรงต่างๆ
3. ไม่คาดหวังกับเด็กเยอะแต่จะแก้ปัญหาเด็กทีละจุด เน้นจุดที่สำคัญและเป็นปัญหาร้ายแรงจริงๆก่อน
Post Test  
วันนี้อาจารย์ถามเป็นกลุ่มๆ
การประเมินผล
ประเมินตนเอง: วันนี้เกือบเข้าห้องเรียนสาย แต่ก็ยังทันอาจารย์ปั้มพอดี ตอนเรียนก็พยายามตั้งใจจดรายละเอียดต่างๆทันบ้างไม่ทันบ้างแต่ก็เข้าใจในสิ่งที่อาจารย์สอน
ประเมินเพื่อน: เพื่อนๆ แต่งกายเรียบร้อย ฟัง และโต้ตอบอาจารย์กันในประเด็นต่างๆอย่างสนุกสนานทั้งเรื่องเรียนและอื่นๆเมื่อตอนทำกิจกรรมก็ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี ต่างมีความคิดเห็นต่างกันออกไป บางคนก็ฟุบหลับไปกะโต๊ะสักพัก เหมือนเช่นเคย ขณะที่อาจารย์กำลังสอน 
ประเมินอาจารย์: อาจารย์มีการวางแผนเตรียมกิจกรรมการสอนมาดีให้นักศึกษาทุกครั้ง และคอยเน้นย้ำในหัวข้อที่สำคัญตลอดเวลา มีการยกตัวอย่างเพื่อนเรื่องทัศนคติ เรื่องสมมุติที่ค่อนข้างแรง 5555 แต่อาจารย์คงอยากสร้างบรรยากาศในห้องเรียนและอยากให้พวกเราเข้าใจ ในบางครั้งก็ยกตัวอย่างสถานการณ์จริงมาเล่าด้วย คอยใส่ใจนักศึกษาเดินดูทั่วห้องตลอดเวลาที่พวกเราทำงาน

วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ครั้งที่ 5


บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 5
วิชาการจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ แจ่มถิ่น
วัน/เดือน/ปี  2 กุมภาพันธ์ พ.. 2558
เวลาเรียน 12.20     เวลาเข้าสอน 12.20     เวลาเข้าเรียน 12.15   เวลาเลิกเรียน 15.50

หมายเหตุ : วันนี้ไม่มีการเรียนการสอน เนื่องจากอาจารย์ติดภารกิจการสัมมนา
จึงให้นักศึกษาได้เคลียร์งานที่คั่งค้างให้เสร็จ

วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ครั้งที่ 4

บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 4
วิชาการจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ แจ่มถิ่น
วัน/เดือน/ปี  26 มกราคม พ.. 2558
เวลาเรียน 12.20     เวลาเข้าสอน 12.20     เวลาเข้าเรียน 12.15   เวลาเลิกเรียน 15.50
เนื้อหา 1. วาดรูปดอกบัวให้เหมือนที่สุด
ให้วาดภาพดอกบัวให้เหมือนจริงมากที่สุด
ความรู้ที่ได้รับ:
การมองการรับรู้จากสิ่งที่เห็น เราจะต้องวาดออกมาให้เหมือนจริง เหมือนกับการมองเด็กสังเกตเด็กเช่นกัน เราต้องดูถึงรายละเอียดให้มากที่สุดเพื่อจะได้เห็นพฤติกรรมและความแตกต่างของเด็กแต่ละคน
เนื้อหา 2. เรียนเรื่องบทบาทครูปฐมวัยในห้องเรียนรวม
ความรู้ที่ได้รับ
วินิจฉัย หมายถึง การตัดสินใจโดยดูจากอาการหรือสัญญาณบางอย่าง
(สิ่งที่ครูไม่ควรทำ)
- ครูไม่ควรวินิจฉัยเด็ก ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเด็กเป็นอะไรก็ไม่ควรพูด ไม่ควรเดา ไม่พูดจุดด้อย หรือบอกกับผู้ปกครอง เพราะอาจทำให้เกิดการเข้าใจผิดได้
- ครูไม่ควรตั้งชื่อหรือระบุประเภทเด็ก จะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีเหมือนตราประทับที่จะติดตัวเด็กไปตลอดชีวิตและจะทำให้เด็กกลายเป็นเช่นนั้นจริงๆ ครูจึงควรปรับทัศนคติตนเองว่าเด็กเหมือนเด็กคนอื่นๆทั่วไป
- ครูไม่ควรบอกพ่อแม่ว่าเด็กมีบางอย่างผิดปกติ เพราะพ่อแม่ย่อมรู้ดีว่าลูกเป็นเช่นไร ไม่ต้องการให้ใครมาตอกย้ำ คนเป็นครูควรพูดแต่ด้านบวกสิ่งที่เด็กทำได้ ถือเป็นการบอกสิ่งที่ทำไม่ได้ไปด้วย จึงจะทำให้ผู้ปกครองเห็นแนวทางแก้ไข
(สิ่งที่ครูต้องทำ)
     ชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมของเด็กเรื่องพัฒนาการด้านต่างๆ ให้ข้อแนะนำในการหาบุคคลที่เหมาะสมที่จะมาประเมินหรือวินิจฉัยเด็กกับผู้ปกครอง โดยต้องมีศิลปะในการพูดโน้มน้าวทางอ้อม รวมทั้งสังเกตและจดบันทึกพฤติกรรมเด็กที่เข้าข่ายน่าสงสัยเป็นระยะๆ
- สังเกตอย่างมีระบบ เป็นสิ่งที่คนเป็นครูทำได้ดีกว่าอาชีพอื่นๆเพราะครูสามารถเห็นเด็กในภาพรวมจากสถานการณ์ต่างๆระยะเวลายาวนาน ซึ่งต่างจากแพทย์ นักจิตวิทยา คลินิก จะสนในแต่พฤติกรรมที่เป็นปัญหาเท่านั้น
- ตรวจสอบ ทำให้สามารถว่าเด็กมีพฤติกรรมอย่างไรจะแก้ปัญหาเฉพาะข้อที่ผิดปกติจากแบบสังเกต ถ้าพฤติกรรมใดเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่ขัดขวางการเรียนรู้ของเด็กมากนักก็ควรมองข้ามไป
ข้อควรระวังในการปฏิบัติ : ครูต้องประเมินน้ำหนักให้ความสำคัญ ใส่ใจ ไวต่อความรู้สึก เพื่อตัดสินใจล่วงหน้าได้ และใช้ระยะเวลาในการสังเกตจะต้องนานต่อพฤติกรรมนั้นๆเพราะเด็กไม่ได้ปรากฏให้เห็นเสมอไป
การบันทึกการสังเกต มี 3 รูปแบบ ดังนี้
-  การนับอย่างง่าย นับจำนวนครั้งระยะเวลาของการเกิดพฤติกรรมนั้นๆ (กี่ครั้ง : ชั่วโมง : นาที) เช่น ใน 1 ชั่วโมง น้องกาย นั่งกระทืบเท้า ทุก ๆ 15 นาที
 -  การบันทึกต่อเนื่อง เป็นวิธีที่ดีที่สุด ครูสามารถมองเห็นเป็นภาพรวมได้มากที่สุด ให้รายละเอียดได้มาก เป็นการจดบันทึกพฤติกรรมเด็กในกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งตั้งแต่เริ่มต้นจนจบกิจกรรมโดยครูไม่ต้องเข้าไปช่วยเหลือใช้การสังเกตตามสภาพจริง มีลักษณะการบันทึกเป็นข้อความหรือทุกคำพูดที่เด็กพูด
 -  การบันทึกไม่ต่อเนื่อง เป็นการบันทึกลงบัตรเล็กๆต้องการการฉับไวเขียนแต่สิ่งที่เห็น บันทึกสั้นๆ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ในกิจกรรมนั้นๆ ด้านใดด้านหนึ่ง เช่น ขณะน้องขึ้นบันได
เนื้อหา 3. บรรยายดอกบัวตามสภาพจริง
ให้อธิบายสิ่งที่เห็นจากภาพ
ความรู้ที่ได้รับ
การบรรยายตามสภาพจริงจากสิ่งที่เห็นเมื่อใช้กับการสังเกตหรือประเมินเด็กในการจดบันทึกนั้นจะต้องไม่ใส่อารมณ์หรือความรู้สึกใดๆของครูทั้งสิ้นและจะต้องใช้ระยะเวลาในการสังเกตเด็กไม่ใช่ตัดสินจากสิ่งที่เห็นเพียงครั้งเดียว ดังนั้นการบันทึกเด็กพิเศษต้องบันทึกจากสิ่งที่เห็นและบันทึกแบบต่อเนื่องดีที่สุด
เนื้อหา 4.สอนร้องเพลงเพื่อใช้บำบัดเด็กพิเศษ
ผู้เรียบเรียง อ.ตฤณ  แจ่มถิ่น
การนำไปประยุกต์ใช้
1. เมื่อสอนจริงๆสามารถนำวิธีการสังเกตเด็กไปใช้ได้จริงและต้องประเมินด้วยการสังเกตจากสิ่งที่เห็นตามสภาพจริงเท่านั้น
2. นำเพลงในวันนี้ไปใช้สอนเด็กปฐมวัยได้ เช่น เพลงผลไม้ สามารถประยุกต์ใช้ในหน่วยผลไม้แสนอร่อย เด็กจะได้รู้จักชื่อเรียกของผลไม้ต่างๆ
3.เมื่อไปเป็นครูต้องรู้จักวิธีการพูดโน้มน้าว มีความเข้าใจผู้ปกครองและเด็ก ไม่พูดถึงเด็กในแง่ลบ ที่สำคัญเมื่อไม่แน่ใจก็ไม่ควรพูดกับใคร พูดถึงเด็กในทางเสียหาย จะทำให้คนอื่นมองเด็กแตกต่างจากเด็กปกติ
Post test       
1.สิ่งใดที่ครูควรทำ และ สิ่งใดที่ครูไม่ควรทำ ในการศึกษาแบบเรียนรวม
2.การบันทึกสังเกตเด็กมีกี่ลักษณะและแต่ละลักษณะเป็นอย่างไร                                                        
การประเมินผล
ประเมินตนเอง: มีความเตรียมพร้อมก่อนเรียน ซึ่งได้อ่านชีทที่จะเรียนในวันนี้มาล่วงหน้า และมีความตั้งใจทำกิจกรรมที่อาจารย์เตรียมมา เมื่อวาดรูปก็ตั้งใจสังเกตรายละเอียดรอบๆทั้งภายในดอกบัวและสิ่งที่อยู่ภายนอกดอกบัว แต่การบรรยายภาพยังคงใส่ความรู้สึกตนเองและลึกซึ้งมากไป5555  ดังนั้นถ้าใช้กับเด็กจะต้องปรับปรุงในเรื่องของการบันทึก สุดท้ายเมื่ออาจารย์สอนร้องเพลงก็จะตั้งใจและใช้เทคนิคของตนเอง สิ่งที่ได้รับก็คือคำชมของอาจารย์ ที่เป็นกำลังใจ ทำให้รู้สึกที่จะพัฒนาตนเองเรื่อยๆค่ะ ถึงแม้เสียงหนูจะแมนมากกก 55555 ^^
ประเมินเพื่อน: วันนี้เพื่อนๆเข้าเรียนสายกันเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อทำกิจกรรมวาดรูปดอกบัวก็ทำกันออกมาอย่างเต็มที่ พยายามให้เหมือนที่สุด ต่างวาดและลงสีกันอย่างสวยงาม กล้าที่จะแสดงความคิดเห็น สนทนาโต้ตอบเมื่ออาจารย์ถาม วันนี้จึงได้ดาวเด็กดีเป็นรางวัลกันไปหลายคน
ประเมินอาจารย์: วันนี้อาจารย์ใส่เสื้อสีเหลือง ทำให้สีผิวขาวผ่องพรรณ ต้นชั่วโมงอาจารย์ก็ชี้แจงเรื่องวัสดุฝึกที่ได้คิดกับอาจารย์บาสและเตรียมหาอุปกรณ์ให้นักศึกษาเป็นอย่างดี อาจารย์อธิบายคำสั่งและรายละเอียดได้ชัดเจนเมื่อสั่งงาน ขณะสอนหรือให้นักศึกษาทำกิจกรรมก็จะคอยเดินดูตลอดเวลา กวาดสายตามองนักศึกษาทั่วห้อง มีการทำตัวอย่างการบันทึกพฤติกรรมกรรมเด็กมาให้พวกเราดูและใส่รูปเพื่อนๆแต่ละคนทำให้เกิดความสนุกสนานเป็นสีสันในการเรียน5555 และทำให้เข้าใจมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ